ความแม่นยำและปลอดภัย: การตั้งค่าเครือข่ายโดยผู้ที่มีความชำนาญและได้รับการรับรองจะช่วยลดความเสี่ยงของช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ประสิทธิภาพสูงสุด: การจัดการทราฟฟิกและทรัพยากรเครือข่ายอย่างมีประสิทธิภาพช่วยให้การเชื่อมต่อเสถียรและราบรื่น การออกแบบเครือข่ายที่เหมาะสม: ผู้เชี่ยวชาญสามารถปรับแต่งการตั้งค่าให้เหมาะกับขนาดและรูปแบบการใช้งานของเครือข่ายตามความต้องการเฉพาะขององค์กร การบำรุงรักษาและสนับสนุนที่ต่อเนื่อง: การสนับสนุนและดูแลระบบโดยผู้เชี่ยวชาญสามารถช่วยให้เครือข่ายมีความเสถียรและลดปัญหาการใช้งานในระยะยาวอย่างมีประสิทธิภาพ

- การเชื่อมต่อกับเราเตอร์: ใช้ WinBox, WebFig, หรือ CLI เพื่อเข้าถึงการตั้งค่าของเราเตอร์ MikroTik
- การตั้งค่า IP Address: กำหนด IP Address สำหรับเครือข่ายภายในและภายนอก รวมถึงตั้งค่า Gateway และ DNS เพื่อให้เราเตอร์สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้
- การตั้งค่า DHCP Server: กำหนด DHCP Server เพื่อจัดสรร IP Address ให้กับอุปกรณ์ในเครือข่ายโดยอัตโนมัติ
- การตั้งค่า NAT (Network Address Translation): ใช้ NAT เพื่อให้ IP Address ภายในสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้โดยใช้ IP Address สาธารณะ
- การตั้งค่า Firewall: กำหนด Firewall Rules เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและควบคุมทราฟฟิกที่เข้าและออกจากเครือข่าย
- การตั้งค่า VPN (Virtual Private Network): กำหนด VPN เพื่อให้การเชื่อมต่อระยะไกลปลอดภัยยิ่งขึ้น เช่นการตั้งค่า PPTP, L2TP หรือ OpenVPN บน MikroTik
- การควบคุมแบนด์วิธ (Bandwidth Control): ตั้งค่า QoS (Quality of Service) เพื่อควบคุมการใช้งานแบนด์วิธและจัดลำดับความสำคัญของทราฟฟิก
- การตรวจสอบและบำรุงรักษาเครือข่าย: ตรวจสอบสถานะและปริมาณทราฟฟิก รวมถึงบันทึกข้อมูลการใช้งานเพื่อวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

- เพิ่มประสิทธิภาพของเครือข่าย: ช่วยให้การเชื่อมต่อมีความเสถียรและทำงานได้อย่างเต็มที่
- เพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน: ลดความเสี่ยงจากการโจมตีเครือข่ายด้วยการตั้งค่า Firewall และ VPN
- จัดการทราฟฟิกและควบคุมการใช้งานแบนด์วิธ: เพื่อให้มั่นใจว่าทรัพยากรเครือข่ายถูกใช้งานอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ

ผู้ที่ต้องการเพิ่มความปลอดภัยให้เครือข่ายอย่างเต็มรูปแบบ องค์กรที่ต้องการคำแนะนำด้านการตั้งค่าและบำรุงรักษาเครือข่ายจากผู้เชี่ยวชาญ